การศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีการพัฒนาไปอย่างมาก ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีซิลิโคนขั้นสูง และซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดในวงการนี้ ซิลิโคนซึ่งผ่านการรับรองจากองค์การอาหาร และยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) นี้ ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง จากดีไซน์ และวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีเป้าหมาย เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และให้สัมผัสที่สมจริงยิ่งขึ้น
ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ใช้เทคโนโลยีเจลซิลิโคนชนิดพิเศษ ProgressiveGel Ultima และเทคโนโลยีผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ เพื่อสร้างซิลิโคนที่สามารถเคลื่อนไหว และให้ความรู้สึกคล้ายกับเนื้อเต้านมตามธรรมชาติมากที่สุด บริษัทมีให้เลือกทั้งซิลิโคนทรงกลม และทรงที่ออกแบบตามสรีระ (Ergonomix) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงตามท่าทาง และการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าที่แตกต่างจากดีไซน์ของซิลิโคนแบบดั้งเดิม และช่วยตอบโจทย์ข้อกังวลที่พบบ่อยของผู้หญิงในเรื่องรูปลักษณ์ และสัมผัสที่ไม่เป็นธรรมชาติ
ผู้หญิงที่กำลังพิจารณาการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน สามารถเข้าถึงซิลิโคนยุคใหม่เหล่านี้ ซึ่งผสมผสานคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เข้ากับผลลัพธ์ด้านความสวยงามได้อย่างลงตัว การทำความเข้าใจในคุณลักษณะเฉพาะ ข้อกำหนดของผู้ที่เหมาะสม และข้อควรพิจารณาในการผ่าตัดสำหรับซิลิโคน Motiva จะช่วยให้ผู้ที่สนใจ สามารถตัดสินใจบนเส้นทางการเสริมหน้าอกของตนเอง ได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วน
สารบัญเนื้อหา
1. คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva
- เทคโนโลยีผิวสัมผัส SmoothSilk
- ตัวบ่งชี้ความปลอดภัย BluSeal
- TrueMonobloc และ ProgressiveGel
- การตรวจสอบย้อนกลับ ด้วยเทคโนโลยี RFID
2. ประเภท และทางเลือกในการเสริมหน้าอก ด้วยซิลิโคน Motiva
ประเด็นสำคัญ
- ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเจล ProgressiveGel Ultima และผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk ที่ล้ำสมัย เพื่อสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ และความเข้ากันได้กับร่างกายที่ดียิ่งขึ้น
- ซิลิโคนมีให้เลือกหลายรูปแบบ รวมถึงทรงกลม และทรง Ergonomix ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงตามการเคลื่อนไหว และตำแหน่งของร่างกาย
- การปรึกษาแพทย์ และการประเมินความเหมาะสมอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และสวยงามที่สุด
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva
ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva ได้รวมเอาเทคโนโลยีขั้นสูงหลายอย่าง เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีความแตกต่างจากซิลิโคนแบบดั้งเดิม โดยมีผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk ที่ช่วยลดการอักเสบ, เทคโนโลยี BluSeal ที่เป็นตัวบ่งชี้ความปลอดภัยที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเทคโนโลยี TrueMonobloc ที่สร้างโครงสร้างซิลิโคน ที่รวมเป็นชิ้นเดียว พร้อมคุณสมบัติของเจลที่ปรับเปลี่ยนรูปทรงได้
เทคโนโลยีผิวสัมผัส SmoothSilk
ผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk เป็นแนวทางที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Establishment Labs ในด้านความเข้ากันได้ทางชีวภาพของซิลิโคน เทคโนโลยีผิวสัมผัสที่ควบคุมให้มีความเรียบสม่ำเสมอนี้ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าผิวเรียบ หรือผิวทรายแบบดั้งเดิม
งานวิจัยจากสถาบัน Koch Institute ของ MIT ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Biomedical Engineering แสดงให้เห็นว่าผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk ก่อให้เกิดการอักเสบน้อยกว่าในการศึกษาในห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ ผิวสัมผัสยังลดการยึดเกาะของแบคทีเรีย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดหดรัด (biofilm)
ประโยชน์ที่สำคัญ ได้แก่
- อัตราการเกิดพังผืดต่ำลง
- ลดการแทรกซึมของเซลล์ ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
- ลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดหดรัด (capsular contracture)
- เพิ่มความเข้ากันได้กับร่างกายในระยะยาว
สำหรับรุ่น SilkSurface ก็มีคุณสมบัติคล้ายกัน แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกันไป โดยผิวสัมผัสทั้งสองประเภท ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และประสิทธิภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ตัวบ่งชี้ความปลอดภัย BluSeal
เทคโนโลยี BluSeal คือ การเพิ่มชั้นเกราะป้องกันสีฟ้าจางๆ เข้าไปในเปลือกของซิลิโคน ตัวบ่งชี้ที่มองเห็นได้นี้ใช้สีที่เข้ากับร่างกายได้ดี ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถตรวจจับรอยรั่ว หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเปลือกของซิลิโคนได้ ก่อนที่จะทำการผ่าตัดใส่เข้าไป
เทคโนโลยีนี้ ทำหน้าที่เป็นมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม ในระหว่างการผ่าตัด ศัลยแพทย์ สามารถตรวจสอบซิลิโคนด้วยสายตา เพื่อดูว่าโครงสร้างเปลือกมีความสมบูรณ์ หรือไม่ ก่อนที่จะใส่เข้าไปในร่างกาย
BluSeal+ เป็นเวอร์ชันที่พัฒนาขึ้น ซึ่งพบได้ในซิลิโคนรุ่น Ergonomix2 โดยสูตรที่ปรับปรุงใหม่นี้ ยังคงความสามารถในการมองเห็น เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย พร้อมทั้งเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น
สีฟ้าของชั้นนี้ จะไม่ส่งผลต่อลักษณะของซิลิโคน เมื่อใส่เข้าไปในร่างกายแล้ว เนื่องจากชั้นบ่งชี้ ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้างเปลือก คุณสมบัติด้านความปลอดภัยนี้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งศัลยแพทย์ และผู้รับบริการในกระบวนการเสริมหน้าอก
TrueMonobloc และ ProgressiveGel
เทคโนโลยี TrueMonobloc สร้างโครงสร้างที่เป็นหนึ่งเดียว โดยการเชื่อมส่วนประกอบของเปลือกทั้งหมด เข้ากับเจลซิลิโคนที่อยู่ภายใน ซึ่งช่วยขจัดปัญหาการแยกตัวออกจากกัน ระหว่างส่วนต่างๆ ของซิลิโคน
ส่วนสูตรเจลแบบ ProgressiveGel มีคุณสมบัติในการปรับเปลี่ยนรูปทรงตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย เมื่ออยู่ในท่ายืน เจลจะให้รูปทรงหยดน้ำที่เป็นธรรมชาติ และเมื่อนอนลงจะให้ลักษณะเป็นทรงกลม
ProgressiveGel Ultima ได้พัฒนาแนวคิดนี้ไปอีกขั้น ด้วยคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่น และความหนืดที่ดียิ่งขึ้น ทำให้เจลสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหว และสัมผัสของเนื้อเยื่อหน้าอกตามธรรมชาติได้ใกล้เคียงยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี TrueMonobloc+ พบได้ในซิลิโคนรุ่น Ergonomix2 ซึ่งมีความยืดหยุ่นที่สูงขึ้น ช่วยให้ใส่ซิลิโคน ผ่านแผลผ่าตัดที่มีขนาดเล็กลงได้ การพัฒนานี้ สนับสนุนเทคนิคการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ในขณะที่ยังคงความแข็งแรงของโครงสร้างไว้ได้เป็นอย่างดี
การตรวจสอบย้อนกลับ ด้วยเทคโนโลยี RFID
ซิลิโคน Motiva มีเทคโนโลยี RFID ที่เรียกว่า QidR ฝังอยู่ภายใน เพื่อใช้เก็บข้อมูลที่สำคัญของซิลิโคน โดยซิลิโคนแต่ละชิ้น จะมีหมายเลขซีเรียลอิเล็กทรอนิกส์เฉพาะตัว และข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บุคลากรทางการแพทย์ สามารถเข้าถึงรายละเอียดของซิลิโคนได้ โดยใช้เครื่องอ่านข้อมูลจากภายนอก แม้จะไม่มีเอกสารอยู่กับตัว ระบบนี้ ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างถาวร ตลอดอายุการใช้งานของซิลิโคน
ชิป RFID จะจัดเก็บข้อมูลการผลิต, ข้อมูลขนาด, และข้อมูลรุ่นการผลิต เทคโนโลยีนี้ ช่วยสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้การระบุข้อมูลซิลิโคน ในการนัดตรวจติดตามผล เป็นเรื่องง่ายขึ้น
ระบบ Qid ยังเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ช่วยติดตามผลลัพธ์ของผู้ป่วย และข้อมูลประสิทธิภาพของซิลิโคน แนวทางที่ครอบคลุมนี้ ช่วยสนับสนุนการเฝ้าระวังความปลอดภัย และการประกันคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ประเภท และทางเลือกในการเสริมหน้าอก ด้วยซิลิโคน Motiva
Motiva นำเสนอซิลิโคน 3 รุ่นที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองเป้าหมายด้านความงาม และข้อกำหนดทางสรีระที่แตกต่างกัน แต่ละประเภทมีสูตรซิลิโคนเจล และคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งส่งผลต่อรูปทรง และความรู้สึกหลังการเสริมหน้าอก
Motiva Ergonomix และ Ergonomix2
ซิลิโคน Motiva Ergonomix ถูกออกแบบมา เพื่อเลียนแบบการเคลื่อนไหว และความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติของเนื้อเยื่อเต้านม ซิลิโคนเจลรุ่นนี้ ใช้เจล ProgressiveGel PLUS ซึ่งจะปรับเปลี่ยนรูปทรงตามท่าทางของร่างกาย โดยจะคงรูปทรงกลมเมื่อนอน และเปลี่ยนเป็นทรงหยดน้ำที่เป็นธรรมชาติ เมื่อยืน
Ergonomix2 ถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดในรุ่นนี้ โดยใช้เจล ProgressiveGel Ultima ซึ่งเป็นสูตรเจลที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้ความนุ่มนวล และการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น Ergonomix ดั้งเดิม
ซิลิโคนรุ่น Ergonomix2 มีเทคโนโลยี Motiva SuperSilicones ในโครงสร้างเปลือกซิลิโคน ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และการยืดตัวของซิลิโคน ทำให้สามารถใส่ซิลิโคนผ่านแผลผ่าตัดที่เล็กลงได้
เทคโนโลยี TrueMonobloc+ ในรุ่น Ergonomix2 สร้างการยึดเกาะที่แข็งแรงยิ่งขึ้นระหว่างเปลือกซิลิโคน และเนื้อเจลที่อยู่ภายใน ดีไซน์นี้ ช่วยเพิ่มความสามารถในการบีบตัวของซิลิโคนขณะใส่ โดยยังคงความแข็งแรงของโครงสร้างไว้
ทั้งสองรุ่นย่อยของ Ergonomix มาพร้อมกับเทคโนโลยีเกราะป้องกัน BluSeal+ และผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk เป็นมาตรฐาน เพื่อเพิ่มความเข้ากันได้ทางชีวภาพ
Motiva Round Plus
ซิลิโคน Motiva Round Plus ให้ความสมดุลระหว่างความนุ่ม และความแน่น พร้อมให้ความอิ่มฟู และรูปทรงที่กลมสวยบริเวณเนินอก ซิลิโคนเสริมหน้าอกชนิดนี้ จะคงรูปทรงกลมไว้อย่างสม่ำเสมอ ในทุกท่าทางของร่างกาย
รุ่น Round Plus ใช้เทคโนโลยีเจล ProgressiveGel PLUS ซึ่งให้ความเหนียวแน่นของเจลที่ควบคุมได้ แต่ไม่มีคุณสมบัติในการปรับเปลี่ยนรูปทรงตามท่าทางเหมือนรุ่น Ergonomix สูตรเจลนี้ ให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการทรงหน้าอกที่กลมสวยแบบดั้งเดิม
ซิลิโคนรุ่นนี้ มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเช่นเดียวกับซิลิโคน Motiva รุ่นอื่นๆ รวมถึงโครงสร้าง TrueMonobloc ที่เชื่อมเปลือก และเจลเข้าด้วยกัน ชั้นเกราะป้องกัน BluSeal ช่วยป้องกันการซึมผ่านของซิลิโคนเพิ่มเติม
รุ่น Round Plus มีให้เลือกทั้งผิวสัมผัสแบบ SmoothSilk และ SilkSurface เทคโนโลยีผิวสัมผัสนี้ ถูกออกแบบมา เพื่อลดการอักเสบ และลดการยึดเกาะของแบคทีเรีย เมื่อเทียบกับผิวเรียบแบบดั้งเดิม
ประเภทของซิลิโคนเจล
เทคโนโลยีซิลิโคนเจลของ Motiva แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น เพื่อให้ได้คุณสมบัติการใช้งานที่จำเพาะ โดยเจล ProgressiveGel PLUS ถูกใช้ในทั้งรุ่น Round Plus และ Ergonomix ดั้งเดิม ซึ่งให้ความเหนียวแน่น และความทนทานที่เชื่อถือได้
ProgressiveGel Ultima เป็นสูตรเจลที่ล้ำหน้าที่สุด ซึ่งมีเฉพาะในซิลิโคนรุ่น Ergonomix2 เท่านั้น เจลชนิดนี้ มีคุณสมบัติความยืดหยุ่นหนืด (viscoelastic properties) ที่เหนือกว่า ซึ่งเลียนแบบพฤติกรรมของเนื้อเยื่อเต้านมตามธรรมชาติได้ใกล้เคียงยิ่งขึ้น ระหว่างการเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนท่าทาง
สูตรเจล ถูกออกแบบมา เพื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเปลือกซิลิโคนของแต่ละรุ่น การทำงานร่วมกันระหว่างโครงสร้าง TrueMonobloc+ และเจล ProgressiveGel Ultima ทำให้ได้ความรู้สึก และการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Motiva
ซิลิโคนเจลของ Motiva ทุกรุ่นผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวด ในด้านความเหนียวแน่น และความปลอดภัย เนื้อเจลจะคงคุณสมบัติไว้ได้ยาวนาน พร้อมทั้งให้ผลลัพธ์ด้านความงามตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของซิลิโคนแต่ละประเภท
ความปลอดภัย การเข้ากันได้กับร่างกาย และผลลัพธ์การรักษา
ซิลิโคนเสริมหน้าอก Motiva มีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำจากการทดลองทางคลินิก โดยข้อมูลที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA (องค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ) แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยที่พัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เทคโนโลยีพื้นผิว SmoothSilk และนวัตกรรมการออกแบบ มุ่งเป้าไปที่การลดภาวะแทรกซ้อน ที่สำคัญ ที่เกี่ยวกับการเสริมหน้าอกโดยเฉพาะ ในขณะที่ยังคงรักษาคะแนนความพึงพอใจของผู้ป่วยในระดับสูงไว้ได้
การลดการเกิดพังผืดรัดถุงซิลิโคน
พื้นผิว SmoothSilk ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ ในการป้องกันการเกิดพังผืดรัดถุงซิลิโคน เทคโนโลยีการพิมพ์แบบพิเศษนี้ สร้างพื้นผิวที่สม่ำเสมอ โดยมีความหยาบเฉลี่ย 4 ไมครอน ซึ่งอยู่ระหว่างพื้นผิวแบบเรียบ และแบบทรายแบบดั้งเดิม
ข้อมูลจากการศึกษาหลักที่ยื่นต่อ FDA แสดงให้เห็นอัตราการเกิดพังผืดที่ต่ำกว่าอย่างมาก เมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต ข้อมูลติดตามผล 3 ปีพบว่า ภาวะพังผืดรัดถุงซิลิโคน ไม่ใช่สาเหตุหลักของการผ่าตัดแก้ไข สำหรับซิลิโคน Motiva อีกต่อไป
การปรับเปลี่ยนพื้นผิวนี้ ช่วยให้เนื้อเยื่อของร่างกายยึดเกาะได้ดีที่สุด พร้อมทั้งลดการอักเสบ ความหยาบที่ระดับ 4 ไมครอน ช่วยให้เนื้อเยื่อมีปฏิสัมพันธ์อย่างเหมาะสม โดยไม่สร้างพื้นที่ผิวมากเกินไป จนอาจเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย
ความสม่ำเสมอในการผลิต ทำให้มั่นใจได้ว่า ซิลิโคนทุกลูก มีคุณสมบัติพื้นผิวเหมือนกัน กระบวนการพิมพ์ลายจากแม่แบบ ช่วยถ่ายทอดโครงสร้างพื้นผิวที่แม่นยำไปยังซิลิโคนระหว่างการผลิต ขจัดความแปรปรวนของคุณภาพพื้นผิว
การลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง BIA-ALCL
เทคโนโลยีพื้นผิว SmoothSilk ของ Motiva ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่สัมพันธ์กับการเสริมหน้าอก (BIA−ALCL) ได้อย่างมีนัยสำคัญ ความหยาบของพื้นผิวที่ 4 ไมครอนนั้นต่ำกว่าเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกิด BIA-ALCL ซึ่งส่วนใหญ่พบในซิลิโคนผิวทราย ที่มีความหยาบสูง
การศึกษากับ FDA มีการเฝ้าระวังอาการ และสัญญาณของ BIA-ALCL ในผู้ป่วยทุกคน โดยมีขั้นตอนการคัดกรอง และรายงานอย่างเป็นระบบ สำหรับทุกกรณีที่น่าสงสัย
พื้นผิวแบบกึ่งเรียบกึ่งทรายนี้ ให้ความมั่นคงเชิงกล โดยไม่ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่อง เหมือนซิลิโคนผิวทรายชนิดหยาบมาก การออกแบบนี้ ช่วยขจัดความไม่สม่ำเสมอของพื้นผิว ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบเรื้อรัง
Establishment Labs มีระบบเฝ้าระวังหลังการขายที่ครอบคลุม เทคโนโลยี Q Inside Safety ช่วยให้สามารถติดตามซิลิโคน และตรวจสอบผู้ป่วย เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว รวมถึงการคัดกรอง BIA-ALCL
การจัดการปัญหาไบโอฟิล์ม (การก่อตัวของเชื้อโรค) และการรั่วซึมของเจล
พื้นผิว SmoothSilk ลดการยึดเกาะของแบคทีเรีย ผ่านการออกแบบพื้นผิวระดับไมโครที่ควบคุมได้ ความหยาบของพื้นผิวที่ 4 ไมครอนช่วยป้องกันการก่อตัวของไบโอฟิล์ม ในขณะที่ยังคงคุณประโยชน์ด้านการเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อ
เทคโนโลยีเกราะป้องกัน BluSeal ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการรั่วซึมของเจลซิลิโคน ชั้นเกราะสีฟ้านี้ มีสัดส่วนน้อยกว่า 0.05% ของวัสดุเกราะทั้งหมด แต่ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของซิลิโคนได้อย่างมาก
ระบบ TrueMonobloc สร้างเปลือกซิลิโคนที่ไร้รอยต่อ กลไกพิเศษนี้เชื่อมต่อเปลือก แผ่นแปะ และเจลเข้าด้วยกัน โดยไม่มีจุดอ่อนที่อาจทำให้ซิลิโคนรั่วไหลได้
คุณสมบัติเด่นในการป้องกัน ได้แก่
- เกราะป้องกันมีสี เพื่อให้ตรวจสอบคุณภาพได้ง่าย
- เพิ่มความแข็งแรงของเปลือกซิลิโคน ด้วยกระบวนการผลิตขั้นสูง
- ลดความเสี่ยงการรั่วซึมของซิลิโคน
- ศัลยแพทย์ สามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้
- กระบวนการควบคุมคุณภาพการผลิต ทำให้มั่นใจได้ว่า เกราะป้องกันมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอทุกลูก
ผลลัพธ์ทางคลินิก และภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
ข้อมูลจากการศึกษาหลักของ FDA แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมในการติดตามผล 3 ปี กลุ่มที่เสริมหน้าอกครั้งแรกมีอัตราการผ่าตัดซ้ำ 6.1% ส่วนกลุ่มที่ผ่าตัดแก้ไขมีอัตรา 25.8% โดยมีอัตราการเข้าร่วมติดตามผลที่ 92.4% และ 88.7% ตามลำดับ
การวิเคราะห์อัตราภาวะแทรกซ้อน
- พบอุบัติการณ์ซิลิโคนแตกขาด ในระดับต่ำมาก จากการตรวจด้วย MRI
- อัตราการติดเชื้อน้อยมาก เมื่อใช้เทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม
- คะแนนความพึงพอใจของผู้ป่วยสูง จากการประเมินด้วยแบบสอบถามมาตรฐาน
- การเกิดซีโรมา (ของเหลวคั่ง) ในระยะยาวลดลง เมื่อเทียบกับซิลิโคนผิวทราย
สาเหตุหลักของการผ่าตัดแก้ไข ได้เปลี่ยนจากภาวะแทรกซ้อนแบบดั้งเดิม เช่น พังผืดรัดถุงซิลิโคน และการแตกขาด ไปเป็นปัจจัยส่วนบุคคล เช่น การขอเปลี่ยนขนาด และการแก้ไขตำแหน่งเล็กน้อย ซึ่งแสดงถึงการพัฒนาที่สำคัญ ในการลดภาวะแทรกซ้อน ที่เกี่ยวข้องกับซิลิโคน
การศึกษาระยะยาว 6 ปี ยืนยันถึงความปลอดภัย และประสิทธิภาพที่ยั่งยืน ผลลัพธ์ที่รายงานโดยผู้ป่วย โดยใช้แบบประเมิน BREAST-Q แสดงให้เห็นถึงระดับความพึงพอใจ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่คงที่ ตลอดระยะเวลาการติดตามผลที่ยาวนานขึ้น
การปรึกษา การประเมินความเหมาะสม และกระบวนการผ่าตัด
เส้นทางการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva ประกอบด้วยการปรึกษาอย่างละเอียด กับศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญ การเลือกซิลิโคนอย่างพิถีพิถัน ตามสรีระของแต่ละบุคคล และเทคนิคการผ่าตัดที่แม่นยำ ซึ่งออกแบบมา เพื่อลดการเกิดแผลเป็นให้น้อยที่สุด พร้อมทั้งรักษาสภาพเนื้อเยื่อเต้านมเดิมไว้
การปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่ง
การเลือกศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรอง และมีประสบการณ์ด้านซิลิโคน Motiva เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในการปรึกษาครั้งแรก ศัลยแพทย์จะทบทวนประวัติทางการแพทย์ ยาที่ใช้ในปัจจุบัน และประวัติการผ่าตัดหน้าอกครั้งก่อนๆ
การตรวจร่างกายอย่างละเอียด จะประเมินขนาดของเต้านม คุณภาพผิว และโครงสร้างของผนังหน้าอก ศัลยแพทย์จะทำการวัดความกว้างของฐานนม ตำแหน่งหัวนม และปริมาณเนื้อนมเดิม เพื่อใช้ในการพิจารณาขนาดซิลิโคนทีเหมาะสม
หัวข้อสำคัญในการปรึกษา ได้แก่
- เป้าหมายเรื่องขนาด และรูปทรงของหน้าอกที่ต้องการ
- ทางเลือกในการวางตำแหน่งซิลิโคน (เหนือกล้ามเนื้อ subglandular กับ ใต้กล้ามเนื้อ submuscular)
- ตำแหน่งแผลผ่าตัดที่ต้องการ
- ระยะเวลาในการพักฟื้นที่คาดหวัง
- ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ศัลยแพทย์ จะพูดคุยถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จริง ตามสรีระ และเป้าหมายของคนไข้ อาจมีการใช้ภาพจำลองดิจิทัล เพื่อช่วยให้เห็นภาพผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ เมื่อใช้ซิลิโคนขนาดต่างๆ
การเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
ซิลิโคน Motiva มีรูปทรง และพื้นผิวที่หลากหลาย เพื่อให้เข้ากับความต้องการของคนไข้แต่ละราย ศัลยแพทย์จะพิจารณาจากความกว้างของช่วงอก เนื้อนมเดิม และความพุ่งของหน้าอกที่ต้องการ เพื่อแนะนำคุณลักษณะของซิลิโคนที่เหมาะสม
ทางเลือกของซิลิโคน Motiva ได้แก่
- ซิลิโคนทรงกลม (Round) : ให้ความอิ่มฟู และร่องอกที่ชัดเจนสม่ำเสมอ
- ซิลิโคนรุ่น Ergonomix : รูปทรงจะปรับเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- พื้นผิว : มีให้เลือกทั้งแบบผิวเรียบ และผิวทราย
- ขนาด : มีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 125 ซีซี ไปจนถึง 800+ ซีซี
ศัลยแพทย์จะใช้การวัดที่แม่นยำ และเป้าหมายด้านความงามของคนไข้ ในการเลือกขนาดซิลิโคน ความหนาของเนื้อนมเดิม มีผลต่อการมองเห็น และการคลำเจอขอบซิลิโคน ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจเลือกในขั้นตอนสุดท้าย
เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอก
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva ในปัจจุบันใช้เทคนิคการผ่าตัดขั้นสูง เพื่อลดการกระทบกระเทือนของเนื้อเยื่อ และการเกิดแผลเป็น เทคนิค Motiva MinimalScar ช่วยลดขนาดของรอยแผลผ่าตัดให้สั้นลง โดยยังคงความแม่นยำในการผ่าตัดไว้
ตำแหน่งแผลผ่าตัดที่นิยม ได้แก่
- บริเวณใต้ราวนม (Inframammary)
- บริเวณรอบปานนม (Periareolar)
- บริเวณรักแร้ (Transaxillary)
ศัลยแพทย์ จะสร้างโพรง สำหรับใส่ซิลิโคนอย่างแม่นยำ ซึ่งอาจจะอยู่เหนือ หรือใต้กล้ามเนื้อหน้าอก การเลาะแยกเนื้อเยื่ออย่างระมัดระวัง จะช่วยรักษาสภาพเนื้อนมเดิม และรักษาระบบเลือดที่หล่อเลี้ยงโครงสร้างโดยรอบ
เครื่องมือผ่าตัดที่ออกแบบมา สำหรับซิลิโคน Motiva โดยเฉพาะจะช่วยให้การจัดการ และการวางตำแหน่งซิลิโคนเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยทั่วไปการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 60-90 นาทีภายใต้การดมยาสลบ และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน